การเก็บเมล็ดกาแฟ ควรบรรจุไว้ในภาชนะปิดสนิท ไม่ให้อากาศและความชื้นเข้าได้ หลีกเลี่ยงการเก็บในตู้เย็น เพราะเมล็ดกาแฟจะดูดซับกลิ่นอาหารเข้าไป เมล็ดกาแฟที่บดแล้วเหมือนน้ำหอมที่เปิดขวดไว้ กลิ่นจะค่อยๆ จางไป อายุการเก็บรักษาจะสั้นกว่า การบดเมื่อชงจะทำให้ได้ความหอมของกาแฟดีกว่า
เมล็ดกาแฟ |
เครื่องบดเมล็ดกาแฟ โดยทั่วไปอาจมีราคาสูง ถ้าอยากได้คุณภาพใช้ได้ ราคาไม่สูงมาก แนะนำเครื่องบดมือยี่ห้อ Hario ของประเทศญี่ปุ่นราคาประมาณพันกว่าบาท หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป
เครื่องชงกาแฟ |
การชงกาแฟทั้ง 2 แบบสามารถปรับบาลานซ์ของรสชาติกาแฟได้มากอย่างในระยะเวลาการรินที่เท่ากัน ถ้าใช้น้ำอุณหภูมิสูงหรือใช้กาแฟที่บดละเอียดมาก จะให้รสชาติกาแฟที่ค่อนข้างเข้ม แสดงกลิ่น รส ได้มากกว่าและสามารถใช้กับกาแฟทุกประเภท ยกเว้นเมล็ดกาแฟที่ระบุบนซองว่า Espresso ที่ต้องใช้เครื่องชงเอสเปรสโซในการทำเท่านั้น
คัดสรรน้ำสำหรับการชงกาแฟ ควรเลือกน้ำกรองที่ไม่มีคลอรีน จะให้รสชาติกาแฟที่ดีกว่า อุณหภูมิน้ำควรอยู่ประมาณ 88 - 96 องศาเซลเซียส คือไม่ต้มเดือดจัดแล้วชงทันที ให้เทใส่กาก่อนจึงเริ่มชง ถ้าอยากให้น้ำเย็นลงสักหน่อย อาจทิ้งไว้ 1 นาทีจึงค่อยรินชง
แยกแยะรสชาติ โดยปกติรสชาติกาแฟจะมีรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ขม (รสเค็มเกิดจากเมล็ดกาแฟคุณภาพไม่ค่อยดี) รสชาติแรก ที่ได้รับเป็นรสขม รสเปรี้ยวทำให้รู้สึกสดชื่น เหมาะสำหรับเรียกความกระปรี้กระเปร่ายามเช้า ซึ่งระดับการรับรสเปรี้ยวของแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้าใช้กาแฟคั่วเข้ม ต้องรินน้ำอุณหภูมิไม่สูงมากจึงให้รสกาแฟที่ออกรสเปรี้ยวมากกว่า ถ้าเป็นกาแฟคั่วอ่อนจะมีรสเปรี้ยวอยู่ในตัวสูงอยู่แล้ว ต้องใช้น้ำอุณหภูมิสูงกว่า
ความเข้มข้น ความเข้มของกาแฟไม่ได้หมายความว่าต้องออกรสขมเสมอไป แต่อาจหมายถึงกลิ่นของเมล็ดกาแฟ โดยธรรมชาติของกาแฟแต่ละที่จะมีเอกลักษณ์การให้กลิ่น (aroma) ต่างกันไป เช่นประเทศโคลอมเบียให้กลิ่นดอกไม้ ประเทศอินโดนีเซียให้กลิ่นเครื่องเทศ หรืออาจมีกลิ่นไอดินเล็กน้อย ชื่นชอบแบบไหนก็สุขได้ต่างกันไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น