หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เคล็ดลับขาสวยสำหรับสาวออฟฟิศ

สำหรับสาวออฟฟิศนั้น ส่วนใหญ่จะใช้เวลาทั้งวันนั่งอยู่กับเก้าอี้ วางนิ้วอยู่บนคีย์บอร์ด และสายตาจับจ้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งสาวๆ รู้หรือไม่ว่า การนั่งเป็นเวลานานๆ โดยที่เราไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบทเลยนั้น คือสาเหตุหลักของการเกิดเส้นเลือดขอด เพราะการที่เรานั่งเป็นเวลานานๆ นั้น ทำให้เส้นเลือดที่ไหลลงมาหล่อเลี้ยงขาไม่สามารถไหลเวียนกลับขึ้นสู่หัวใจได้สะดวก ซึ่งอาการเช่นนี้จะส่งผลให้หลอดเลือดขาโป่งพอง หรือขอดขด จนอาจไปดันเซลล์และอวัยวะส่วนอื่นที่อยู่ใกล้เคียง เหตุนี้จึงทำให้คุณรู้สึกปวดเมื่อยขา และขาบวมขึ้น แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะทำอย่างไร

วันนี้เรามีวิธีการแก้อาการเส้นเลือดขอดมาฝากกัน

เคล็ดลับขาสวย
1. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร :
น้ำ เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ สำหรับชีวิตคนเรา ไม่เฉพาะแต่สาวออฟฟิศเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ผู้ที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศนั้น ต้องดื่มน้ำมากก็เพราะว่า ป้องกันให้เลือดในร่างกายไม่เข้มข้นเกินไปจนไหลเวียนไม่สะดวก ทั้งนี้ในปริมาณ 2 ลิตรของน้ำที่ดื่มอาจเป็นน้ำผลไม้ น้ำผักสมุนไพร น้ำนม หรือน้ำซุปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นน้ำเปล่าธรรมดา แต่ก็ไม่ควรเป็นเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มดังกล่าวจะยิ่งทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น

2. อย่านั่งนานเกินไป :
ควรที่จะลุกเดินไปไหนมาไหน ยืดเส้นยืดสายมาก แต่ไม่ได้บอกว่าให้อู้งานนะคะ ซึ่งการยืดเส้นยืดสายนี้ ก็เหมาะกับคนที่ต้องขับรถเป็นระยะทางไกลๆ และใช้เวลามากๆ ด้วย ควรจะแวะพัก เพื่อเดินยืดแข้งขาบ้างเป็นระยะ หรือไม่เช่นนั้นก็ควรบริหารเท้าด้วยท่าง่ายๆ ทุกๆ ชั่วโมง อย่างเช่น หมุนข้อเท้า หุบและยกนิ้วเท้าขึ้นลงไปมา

3. งดใส่เสื้อรัดจนเกินไป :
สาวๆ อวบอั๋นทั้งหลายที่ชอบใส่เสื้อตัวเล็กๆ จนปลิ้นทางนั้นที ทางนี้ที ก็ควรเปลี่ยนการแต่งตัวซะใหม่นะคะ เพราะการใส่เสื้อรัดติ้วนั้น จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก รวมไปถึงการรัดเข็มขัดแน่จนเกินไปด้วย

4. นอนตัวตรง :
นอนในท่าที่ถูกต้อง ไม่นอนตัวงอคุดคู้ และควรปล่อยให้ขาเหยียดตรง

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ฟื้นฟูสุขภาพช่องท้องด้วยสมุนไพรไทย

ภูมิปัญญาไทยที่คนรุ่นใหม่กำลังลืมเลือน ลองใช้สมุนไพรและผลไม้ใกล้ตัวที่หาง่ายมาปรุงแก้อาการป่วยในช่องท้อง แล้วจะรู้ว่าสรรพคุณไม่ด้อยไปกว่ายาแผนปัจจุบันเลย

กล้วยน้ำว้า
ท้องเสีย
กล้วยน้ำว้า กินดิบครั้งละ 1/2 - 1 ผล ถ้าหลังจากนั้นมีอาการท้องอืด ให้แก้โดยดื่มน้ำต้มขิงหรือสมุนไพรขับลมอื่นๆ ฟ้าทะลายโจร ต้นสด 1 - 3 กำมือต้มน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง หรือแบบแคปซูล 500 มิลลิกรัมให้กินครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 2 - 3 ครั้งก่อนอาหาร หยุดยาเมื่อหยุดถ่าย อาการข้างเคียงที่อาจพบคือ คลื่นไส้ อาเจียนเป็นน้ำใส ไม่สบายในท้อง ถ้าเป็นมากให้หยุดกิน

สมุนไพรไทย
ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง
- กระเทียม 5 - 7 กลีบซอยละเอียดกินหลังอาหารทุกมื้อ
- ตะไคร้ ใช้ลำต้นและโคนใบแก่ทุบพอแหลกประมาณ 1 กำมือ ชงน้ำดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร
- ข่า ขิง ใช้เหง้าสดขนาดหัวแม่มือต้มน้ำดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร

ท้องผูก
- ขี้เหล็ก ใช้ใบอ่อน 2 - 3 กำมือต้มกับน้ำ 1 - 2 ถ้วย เติมเกลือเล็กน้อย ดื่มตอนเช้าหรือก่อนอาหารเช้าครั้งเดียว
- มะขาม ใช้มะขามเปียกจิ้มเกลือกินแล้วดื่มน้ำตามมากๆ หรือทำเป็นน้ำมะขาม
- เม็ดแมงลัก 1/2 - 1ช้อนชาแช่น้ำให้พอง ดื่มก่อนนอน

ขับปัสสาวะ
กระเจี๊ยบ ต้มประมาณ 10 - 15 ดอกกับน้ำเดือด รินเฉพาะส่วนใสดื่มจนหมดวันละ 3 ครั้ง น้ำกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ระบาย อาจทำให้มีอาการท้องเสียได้เล็กน้อย

ตะไคร้ ใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำ 3 - 4 ถ้วย แบ่งดื่มวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ถ้วยก่อนอาหาร หรือใช้เหง้าฝานเป็นแว่นบางๆ คั่วไฟอ่อนพอเหลือง ครั้งละ 1 หยิบมือชงกับน้ำ1 ถ้วยชา รินเฉพาะส่วนใสดื่มจนหมดวันละ 3 ครั้ง เมื่อปัสสาวะคล่องให้หยุดดื่ม

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ข้าวโอ๊ต อิ่มอร่อยแบบไม่อ้วน

"ข้าวโอ๊ต" อาหารธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเลย เพราะตอนนี้ สาว ๆ กำลังฮิตใช้เมนูข้าวโอ๊ตช่วยลดน้ำหนัก แต่นอกจากข้าวโอ๊ตจะช่วยลดน้ำหนักได้แล้ว ข้าวโอ๊ตยังมีคุณค่าอีกหลายประการ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคยอดฮิตต่าง ๆ ได้มากมายหลายโรค

ล่าสุดมีผลการวิจัยจากนักวิจัยชาวอิตาเลียน ตีพิมพ์ในวารสาร Journal Cancer Immunology Immunotherapy รายงานว่า สารเบต้ากลูแคน ซึ่งพบในข้าวโอ๊ตช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยให้เม็ดเลือดขาวไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุของการอาการป่วยต่าง ๆ ทั้งเป็นหวัด เจ็บคอ หรือเป็นไข้ นอกจากนี้สารเบต้ากลูแคนยังมีประสิทธิภาพช่วยต้านเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย

ข้าวโอ๊ต
ข้าวโอ๊ตมีไขมันต่ำ มีเส้นใยสูง ปราศจากคอเลสเตอรอล อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และสารแอนตี้ออกซิแดนท์ การรับประทานข้าวโอ๊ตอย่างสม่ำเสมอจึงช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้ปกติ ช่วยลดการสะสมคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด

นอกจากนั้นยังเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เพราะเมื่อร่างกายใช้อินซูลินน้อยลงทำให้เรารู้สึกอิ่มนาน ไม่หิวระหว่างวัน มีผลการวิจัยว่า หากรับประทานข้าวโอ๊ตสุกวันละ 1/2 ถ้วยตวง สามารถลดคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ถึง 2%

เมนูข้าวโอ๊ตสามารถประยุกต์ทำเป็นได้ทั้งอาหารคาวและอาหารว่าง หากอยากรับประทานแบบเบา ๆ แต่อิ่มได้นาน อาจผสมในโยเกิร์ต นมสด น้ำเต้าหู้ เติมผลไม้ หรือมูสลี่เพิ่มรสชาติ หรือหากอยากให้อิ่มไปอีก 1 มื้อ อาจปรุงเป็นโจ๊กแบบต่าง ๆ ก็อิ่มอร่อย แบบไม่ "อ้วน" ได้เช่นกัน

ข้าวโอ๊ตโยเกิร์ต
ข้าวโอ๊ตโยเกิร์ต ส่วนผสม

- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
- กล้วยหอม 1 ผล
- มูสลี่ 1 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

- ผสมโยเกิร์ตกับกล้วยหอมบดละเอียด 1 ผลเข้าด้วยกัน ใส่ข้าวโอ๊ต มูสลี่ และน้ำผึ้ง คลุกเคล้าให้ทั่ว เหมาะเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผักผลไม้ 5 สี ของดีมีประโยชน์

ผักให้ดีสมัยนี้ ต้องทานกันให้ครบ 5 สีด้วยท ไม่ใช่แค่ผักนะต้องรวมผลไม้เข้าไปด้วย แต่ว่าผักผลไม้ 5 สีที่ว่านั่นมีอะไรบ้าง ผักผลไม้ห้าสีก็ได้แก่ สีม่วงหรือน้ำเงิน สีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีขาวกับน้ำตาล

ผักหรือผลไม้สีม่วงหรือน้ำเงิน จะว่าไปแล้วถ้าพูดถึงผัก เราก็มักจะนึกถึง พืชสีเขียวออกมาได้ไม่ยากเลย ผักสีม่วง เช่น ผักอย่าง กะหล่ำม่วง มะเขือม่วง หอมแดง ผลไม้อย่าง ลูกพรุน บลูเบอรี่ แบล็กเบอรี่ หรือแม้แต่ดอกไม้อย่างดอกอัญชัน ผักกลุ่มนี้มีสารประเภท แอนโธไซยานิน และฟีนอล อยู่มาก ช่วยชะลอความชราได้เป็นอย่างดี

ผักผลไม้ 5 สี
ผักหรือผลไม้สีแดง นึกออกก็แค่มะเขือเทศเอง แต่อยากจะบอกว่า ผักสลัดอย่าง เรดโอ๊ค ผลไม้อย่างสตอเบอรี่ เชอรี่ บีทรูต แคนเบอรี่ ทับทิม ดอกกระเจี๊ยบ ชมพู่แดง ก็นับอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ผักกลุ่มนี้มี ไลโคปีน และแอนโธไซยานิน ซึ่งช่วยให้หัวใจมีสุขภาพดี ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง(โดยเฉพาะมะเขือเทศ ที่มีข้อมูลการวิจัยออกมามากมาย) และทำให้ระบบทางเดินปัสสาวะมีสุขภาพดี

ผักผลไม้สีเหลือง หรือสีส้ม อุดมไปด้วยวิตามินซี แคโรทีนอยด์ และไบโอฟลาโวนอยด์ เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา ให้มีความกระฉับกระเฉง เป็นสารสำคัญแต่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ (พอสำคัญๆ ละก็สร้างเองไม่ได้ทุกทีสิน่า) มีมากใน แครอท มะละกอสุก ฟักทอง ทุเรียน ขนุน ข้าวโพด สับปะรด แคนตาลูป มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ

ผักผลไม้
ผักผลไม้สีเขียว ให้สารอาหารประเภทลูทีน และอินโดลส์ ซึ่งช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง บำรุงสายตา สารลูทีนเหมาะมากกับคนที่ใช้สายตามาก ใครที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน หรือต้องทำงานกลางแดดจ้า หรือคนที่เจอแฟลซมาก เจ้าสารชนิดนี้มีอยู่ในลูกตาของเรา ตรงเลนซ์ตาและจอรับภาพ ตรงจุดรับแสงตกกระทบ ซึ่งทำหน้าที่กรองแสงสีฟ้า ซึ่งเป็นอันตรายต่อตา เจ้าสารนี้คนเราไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ ต้องกินเข้าไปเท่านั้น พบมากใน ผักประเภท ปวยเล้ง คะน้า ผักโขม ตำลึง บล็อกโคลี่ กวางตุ้ง ชะอม

ผักสีขาวและน้ำตาล ให้สารพวกอัลลิซิน สารชนิดนี้ พบมากในกระเทียม พืชสมุนไพรที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี ใช้เพิ่มกลิ่นและรสชาติของอาหาร ช่วยให้หัวใจดี รักษาระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน มีคุณสมบัติเป็นยาขับลม รักษาอาการแน่นจุกเสียด ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา แม้เราจะรู้ว่าสารอัลลิซิน มีมากในกระเทียม แต่เจ้าสารชนิดนี้สลายไปได้อย่างง่ายดาย แม้เพียงแค่สับกระเทียมทิ้งไว้ ผักผลไม้ในกลุ่มสีขาวนี้ ยังได้แก่ หัวหอม ดอกแค ถั่วงอก เห็ด เงาะ ฝรั่ง ลิ้นจี่ กระท้อน มังคุด น้อยหน่า แห้ว งา ลูกเดือย

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การดูแลสุขภาพดวงตาของคุณ

สำหรับพนักงานออฟฟิศอย่างเราๆใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมง อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ แบบนั่งจ้องงานตรงหน้า เหมือนเล่นเกมจับผิดมิปาน สายตาก็ย่อมเหนื่อยล้าเหมือนขาที่วิ่งมาทั้งวัน บางทีอาจจะแสดงอาการปวดตา ปวดหัวเป็นระยะ ๆ หรือว่าอาจจะไม่เป็นอะไรเลยก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่ตาสวยของเราจะกลายเป็นตาแบบหมีแพนด้า หยุดเล่นเกมจับผิดสักครู่ แล้วมาเริ่มการบริหารสายตากันดีกว่า

การบริหารลูกตา กล้ามเนื้อตา และสมองรับภาพ
การบริหารทั้งสามส่วนนี้จะช่วยให้คุณสามารถมองภาพต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ วางมือจากแป้นคอมพิวเตอร์ หลบหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ทุก ๆ 1 ชั่วโมง จะดีที่สุด

การดูแลสุขภาพดวงตา
1.การบริหารลูกตา
หลับตาใช้อุ้งนิ้ว ย้ำว่า “อุ้งนิ้ว” นวดเบา ๆ วนรอบตาสัก 1 นาที หรือกะพริบตาถี่ ๆ ทุกการใช้สายตาครบ 1 ชั่วโมง เพราะการกะพริบตา จะช่วยขับฟิล์มน้ำตาออกมาเคลือบตาของเราให้แลดูวิ้ง ๆ ปิ๊ง ๆ ตลอดเวลานั่นเอง

2.การบริหารกล้ามเนื้อตา
กล้ามตาของเรา เป็นส่วนหนึ่งของกล้ามเนื้อต่าง ๆ ที่ต้องการ “การพักผ่อน” มากกว่ากล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ด้วยซ้ำ เพราะว่าเราต้องใช้กล้ามตาแทบตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนนอน อยากรู้ก็ลองสังเกตตอนคนที่บ้านของคุณหลับดูสิ… ยามที่เขาหลับสนิท เปลือกตาของเขาจะขยุกขยิกไปมา นั่นคือ “ช่วงกลอกตาเร็ว” นั่นเอง เห็นหรือเปล่าว่า ใช้กล้ามตามากจริง ๆ

3.บริหารสมองรับภาพ
ง่าย ๆ เพียงแค่ “กลอกตา” ไปมา แบบซ้ำ ๆ อย่ารีบ เดี๋ยวตาลาย ให้กลอกจากซ้ายไปขวา และบนลงล่าง ทำท่าแบบนี้เป็นการฝึกสมองไปในตัวด้วย

ดูแลสุขภาพตาด้วย “จักษุโภชนา”
จำเป็นต้องกินผัก “เขียวจัด” อย่างคะน้า เพราะจะมีวิตามินเอเยอะ และ “เหลืองแจ๊ด” จำพวก ข้าวโพด ฟักทอง แครอท ซึ่งจะมีธาตุที่ชื่อ “ลูทีน” กับ “ซีแซนทิน” เป็นธาตุที่บำรุงสายตาโดยเฉพาะระวังเรื่องของการอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรืออยู่ใกล้กระจกสะท้อน เพราะอาจเป็น “ต้อ” ได้ ให้ตรวจสอบว่า โต๊ะคอมพิวเตอร์ของเรา ตำแหน่งที่นั่งดีหรือยัง ตรวจสอบการสะท้อนของแสงที่เข้าตาของเรา ด้วยการปิดคอมพิวเตอร์แล้วเปิดไฟห้อง ดูว่าหน้าจอมีแสงไฟสะท้อนเข้าตาหรือเปล่า ถ้ามี ก็ต้องปรับตำแหน่งคอมพิวเตอร์จนกว่าจะไม่มีแสงสะท้อน

สายตาเป็นเรื่องที่มองข้ามไปไม่ได้เลย อย่าบอกว่า ขี้เกียจทำการบริหาร หรือไม่ว่างจากงานตรงหน้า หากวันหนึ่งสายตาของคุณแย่แล้ว คุณจะเอาสายตาดี ๆ ของคุณมาทำงานต่อได้อย่างไร

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะนาว

มะนาวอีกหนึ่งพืชผักสมุนไพรไทยที่ไม่ได้มีแค่ประโยชน์ของมะนาวเท่านั้นแต่ยังมีอีกด้วย และวันนี้เราก็มาพูเรื่อง ประโยชน์ของมะนาว และ สรรพคุณของมะนาว เพื่อขยายความถึงความดีของสมุนไพรไทยชนิดนี้ให้ได้ฟังกันมากขึ้น ประโยชน์ของมะนาว นั้นเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ของคุณพ่อบ้านแม่บ้านกันอีกเช่นเคย โดยเฉพาะเมนูต้มยำกุ้งเรียกได้ว่าขาดมะนาวเสียไม่ได้เลยหรือจะเป็นเมนูอาหารจำพวกยำๆ ถ้าขาดมะนาวไปเมนูอาหารมื้อนี้คงไม่อร่อยเป็นแน่ค่ะ นอกจากนี้ สรรพคุณของมะนาว ก็ยังสามารถช่วยในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วยนั้นเรามาดู ประโยชน์ของมะนาว และ สรรพคุณของมะนาว กันเลยค่ะ

ลักษณะทั่วไปของมะนาวเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กทรงพุ่ม ตัวใบรูปร่างกลมรี ขอบใบหยักเล็กน้อย ปลายและโคนใบมน ดอกเล็กสีขาวอมเหลือง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ผลกลมเปลือกบางเรียบ มีน้ำชุ่มมาก รสเปรี้ยว เปลือกผลมีน้ำมัน กลิ่นหอม รสขม สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด โดยเฉพาะดินร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี ควรปลูกในฤดูฝนช่วงที่ปลูกใหม่ ๆ ต้องรดน้ำทุกวันและไม่ควรโดนแดดมาก

โดยมีความเชื่อตามตำราพรหมชาติฉบับหลวงกล่าวไว้ว่า มะนาวเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งที่ควรปลูกไว้ในบริเวณบ้าน กำหนดปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (พายัพ) เพื่อผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านจะได้มีความสุขสวัสดี

ประโยชน์ของมะนาว
มะนาว เป็นผลไม้ที่มีกรดอินทรีย์หลายชนิด เช่น กรดซิตริก กรดมาลิค วิตามินซี ซึ่งได้จากน้ำมะนาว ส่วนน้ำมันหอมระเหยจากผิวมะนาวมีวิตามินเอและซี รวมทั้งมีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในน้ำมะนาว มีสรรพคุณทางยาคือ เปลือกผล มีรสขม ช่วยขับลม รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด

วิธีทำยา
นำเอาเปลือกของผลสดประมาณครึ่งผล คลึงหรือทุบเล็กน้อยพอให้น้ำมันออก ชงน้ำร้อนดื่มเวลามีอาการ

ส่วนน้ำมะนาว รักษาอาการไอและขับเสมหะ โดยใช้ผลสดคั้นน้ำจะได้น้ำมะนาวเข้มข้นใส่เกลือเล็กน้อยจิบบ่อย ๆ หรือจะทำเป็นน้ำมะนาวใส่เกลือและน้ำตาล ปรุงให้รสเข้มข้นพอควรดื่มบ่อย ๆ หรือนำน้ำมะนาวผสมดินสอพองใช้ทาบริเวณหัวโนจะทำให้เย็นและยุบลงเร็ว

สรรพคุณและประโยชน์ของน้ำมะนาวซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการเป็นที่รู้จักกันดีคือ มีวิตามินซีสูงมาก รักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้ดี นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ด้านความงามโดยเอาเปลือกที่บีบเอาน้ำออกแล้วนำมาทาบริเวณข้อศอก คาง เข่า ฝ่าเท้า ส้นเท้า จะช่วยให้ส่วนเหล่านั้นนุ่มนวลได้อย่างดี

สำหรับใบหน้าสามารถแก้สิวฝ้าได้ ในกรณีที่สิวไม่มีการอักเสบติดเชื้อเป็นหนองซึ่งมะนาวจะช่วยรักษาสิวให้ลดน้อยลงได้ เพราะน้ำมะนาวมีสภาวะเป็นกรดอ่อน ๆ จะทำให้เนื้อเยื่อที่ตายแล้วหลุดออกไปทำให้ลดการอุดตันของรูขุมขนช่วยกำจัดเชื้อโรคและไขมันได้ด้วย การใช้แป้งดินสอพองกับน้ำมะนาวทาบริเวณที่เป็นสิวก่อนนอนทุกวัน สิวจะค่อย ๆ ยุบหายไปในที่สุดส่งผลให้ใบหน้าสวยใส

มะนาวจึงถือเป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณทางยามากมาย ดังนั้นอย่าลืมหาซื้อมะนาวหรือปลูกเองติดบ้านไว้ใช้ประโยชน์เพื่อสุขภาพและความงามนอกเหนือจากไว้ปรุงรสอาหาร

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของเปลือกแอปเปิ้ล

ประโยชน์ของเปลือกแอปเปิ้ลนั้นมีค่ามากกมายไม่เฉพาะแต่ในเนื้อของแอปเปิ้ลเท่านั้น คุณรู้หรือไม่ว่าใน ประโยชน์ของเปลือกแอปเปิ้ล นั้นมีสารฟลาโนอยด์สูงซึ่งเจ้าสารตัวนี้มีหน้าที่ในการปฏิบัติการล้างพิษในร่างกายอีกทั้งยังช่วยป้องกันโมเลกุลและต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย ที่สำคัญไปยิ่งกว่าคือ ประโยชน์ของเปลือกแอปเปิ้ล ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ซึ่งเป็นปัญหาต้นๆ ของโรคในปัจจุบัน ฉะนั้นเมื่อรู้ถึงคุณค่าและประโยชน์ของเปลือกแอปเปิ้ลแล้วก็อย่าลืมที่จะหันมารับประทานเปลือกแอปเปิ้ลกันบ้างนะค่ะ เมื่อเวลาที่ซื้อแอปเปิ้ลทุกครั้งจงอย่าลืมล้าให้สะอาดและอย่าปลอกเปลือกเป็นอันขาดเพราะคุณอาจจะทิ้งสารอาหารอันมีคุณค่าที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของคุณ

ประโยชน์ของเปลือกแอปเปิ้ล
ประโยชน์ของเปลือกแอปเปิ้ล
นักวิทยาศาสตร์โปแลนด์พบอีกว่า หากกินแอปเปิ้ล ผลไม้ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าบำรุงสุขภาพ ให้ได้วันละหนึ่งลูกจะป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงได้ วารสารวิชา "การป้องกันมะเร็งแห่งยุโรป" แจ้งว่า นักวิจัยได้ศึกษาโดยการให้คนไข้โรคมะเร็งชนิดนั้น กินแอปเปิ้ลประจำวันอาทิตย์ละ 9.5 หน ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ปรากฏว่าโรคสามารถพัฒนาไปได้น้อยลง คนไข้รายที่กินแอปเปิ้ลวันละ 1 ลูก โรคจะทุเลาลงในอัตรา 0.65 ส่วนรายที่กินมากกว่านั้น ปรากฏว่า อันตรายของโรคจะลดลงได้ประมาณถึงครึ่ง

พวกเขาเชื่อว่าคุณสมบัติในด้านป้องกันของมันคงมาจากการที่มีสารฟลาโวนอยด์สูงมันทำหน้าที่เป็นตัวล้างพิษมีอยู่อย่างอุดมในเปลือกของแอปเปิ้ล ช่วยป้องกันโมเลกุลหรืออนุมูลอิสระไม่ให้ทำอันตรายเนื้อเยื่อและยังยับยั้งอาการตั้งต้นของโรคและการเติบโตกับขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วของเซลล์ด้วย นักวิจัยยังได้แนะนำว่า เนื่องจากสารต่อต้านอนุมูลอิสระจะรวมกันอยู่ตามเปลือกมากกว่าในเนื้อถึง 5 เท่า ดังนั้น เวลากินจึงไม่ควรปอกเปลือกล้างน้ำให้สะอาดอย่างเดียวก็พอ

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

มะพร้านอกจากจะนำมารับประทานแล้วประโยชน์ที่เราเห็นได้ชัดนั้นก็คือการทำน้ำมันมะพร้าวและ สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ มีมากมายหลายหลาย และที่สำคัญ ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ยังทำเป็นเครื่องสำอางค์จากธรรมชาติที่มีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก แต่ว่า ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ และ สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ยังไม่ใช่หมดเพียงเท่านี้ยังมีอีกมากมาย ถ้าอยากรู้แล้วเราก็เข้าไปดู ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ และ สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ คือ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นโดยไม่ผ่านความร้อน (cold press coconut oil) ผลิตจากเนื้อมะพร้าวสดเป็นน้ำมันมะพร้าวที่บริสุทธิ์ที่สุด สีใสเหมือนน้ำมีวิตามินอีและไม่ผ่านขบวนการเติมออกซิเจน (oxidation) และที่สำคัญกรดคลอริกในน้ำมันมะพร้าวมีกรดคลอริกอยู่ประมาณ 54.61% กรดนี้มีส่วนที่ทำให้น้ำมันมะพร้าวดีเด่นกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ เพราะมันมีความสามารถพิเศษคือ สร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อเราบริโภคน้ำมันมะพร้าวเข้าไปในร่างกายกรดคลอริกในน้ำมันมะพร้าวจะเปลี่ยนเป็นโมโนกลีเซอไรด์ที่มีชื่อว่า โมโนลอรีน ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกับที่อยู่ในน้ำนมมารดาที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารกในระยะ 6 เดือนแรกที่ร่างกายยังไม่สร้างระบบภูมิคุ้มกันทำให้เด็กระยะแรกเกิดไม่ค่อยเป็นอะไร และยังสามมารถฆ่าเชื้อโรค ในโมโนลอรีนเป็นสารปฏิชีวนะที่ใช้อยู่ในปัจจุบันที่สามารถฆ่าเชื้อที่ก่อให้เกิดหลอดเลือดแข็งตัว

สรรพคุณ / ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์
1. ช่วยในการชะลอความชรา
- ช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ
- ป้องกันการเหี่ยวย่นของผิวหนัง
- ป้องกันการเกิดกระและรอยคล้ำบนผิวหน้า
- ป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง กระด้าง

2. ป้องกันผมหงอก
น้ำมันมะพร้าวสามรถช่วยลดปริมาณการสูญเสียโปรตีนของเส้นผม เพราะน้ำมันมะพร้าวสามารถยึดเกาะกับโปรตีนของเส้นผมจึงช่วยเสริมความแข็งแรง โดยการรักษาความชื้น และลดรอยแตกแยกในเส้นผมได้ดี

3. ช่วยป้องกันโรค
การบริโภคน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ(เลิกบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัว)จะช่วยแก้ สถานการณ์ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง อ่อนล้าของผู้สูงอายุ และสามารถลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ฯลฯ

4. โรคอ้วน
- ให้พลังงานน้อย
- ช่วยนำไขมันที่สะสมไว้มาใช้เป็นพลังงานน้ำมันมะพร้าวยังไปเร่งอัตราการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน

5. กระตุ้นกิจกรรมทางเพศ
- ใช้แทนสารหล่อลื่นธรรมชาติ น้ำมันมะพร้าวเป็นสารธรรมชาติที่มีสมบัติคล้ายสารหล่อลื่นในช่องคลอด
- ใช้นวดเพื่อกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

8 อาหารธรรมชาติช่วยรักษาสุขภาพ

1. บร็อคโคลี: เป็นผักในตระกูลกะหล่ำประโยชน์ของบร็อคโคลีมีเยอะมาก เช่น ช่วยป้องกันมะเร็ง, อุดมไปด้วยวิตามินซี สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรง, สารกลูตาทอน ลดการเสี่ยงการเกิดไขข้ออักเสบ เบาหวาน และโรคหัวใจช่วยเพิ่มภูมิคกุ้มกันของร่างกายลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยลดความดันโลหิตสูง และช่วยป้องกันการเกิดต้อกระจกเพราะบร็อคโคลีมีเบต้าแคโรทีนสูง

*ขนาดรัปประทาน: บร็อคโคลี1/2 ถ้วยต่อสัปดาห์

2. กระเทียม: ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีฤทธิ์ช่วยป้องกันการแข็งตัวและการอุดตันของหลอดเลือด มีฤทธิ์ฆ่าเชี้อและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม

*ขนาดรับประทาน:การป้องกันโรคหัวใจรับประทานวันละ 1 กลีบ โดยทั่วไปให้ทานทุกวันไม่จำกัดปริมาณ

อาหารเพื่อสุขภาพ
3. ถั่วแดง: เป็นอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูงมาก จึงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันการกเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ช่วยลำรุงโลหิตป้องกันความผิดปกติของทารกในครรภ์ป้องกัน การเกิดโรคหัวใจได้

*ขนาดรับประทาน:ควรรับประทาน 1 ถ้วยต่อวัน

4. นมพร่องมันเนย: เป็นแหล่งที่มีแคลเซี่ยมสูงที่ปปลอดไขมัน ป้องกันภาวะกระดูกพรุน ประกอบด้วยโปตัสเซี่ยม และแมกนีเซี่ยมช่วยลดความดันโลหิตสูง

*ขนาดรับประทาน:คนวัยหนุ่มสาวต้องการแคลเซี่ยมวันละ 1 000 mg วัยสูงอายุต้องกสนเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 1 500 mg

5. ส้ม: มีวิตามินซีสูงเส้นใยอาหารสูงช่วยป้องกันไข้หวัดลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยในการสร้างกกระดูก ป้องกันการเกิดนิ่วในไตป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และยังมีสารที่ช่วยปป้องกัน มะเร็งเต้านม

*ขนาดรับประทาน:ควรทานส้มวันละ 1-2 ผลเป็นประจำ

6. ปลาแซลมอน: มีน้ำมันปลาที่เรียกว่า Omega-3s สูงช่วยป้องกันโรคหัวใจช่วยควบคุมอาการไขข้ออักเสบช่วยลดอาการปวดรอบเดือน และยังช่วยระงับกาการซึมเศร้าได้ดวย

*ขนาดรับประทาน:สัปดาห์ละ 3 ออนซ์

7. เต้าหู้: ช่วยลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอลมีสารแอสโตรเจนธรรมชาติจากพืชช่วยป้องกันกระดูกพรุน มะเร้งเต้านม ช่วยให้ไตทำงานได้ดี

*ขนาดรับประทาน: 30-50 mg หรือ1/2 ถ้วย

8. ซอสมะเขือเทศ: ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งเต้านมได้ดี

*ขนาดรับประทาน:รับประทานได้ปริมาณตามใจชอบเป็นประจำทุกวัน

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เคล็ดลับการต้มผักให้อร่อย

ผักบ้านเรามีให้เลือกกินมากมายหลายอย่าง เรียกได้ว่าให้นั่งกินทั้งปีก็คงเลือกมากินไม่ครบทุกชนิด อีกทั้งผักแต่ละชนิดยังมีประโยชน์มากโข ทั้งให้เกลือแร่ วิตามิน ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่างๆ

แต่รู้ไหมว่าผักแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน บางชนิดใบแข็ง บางชนิดใบอ่อน บางชนิดสุกง่ายบางชนิดสุกยาก ดังนั้นวิธีการต้มผักแต่ละชนิดจึงควรแตกต่างกันออกไป หากต้มผักไม่ถูกวิธี คุณค่าที่เราจะได้รับจากผักนั้นก็จะหายไป



เคล็ดลับการต้มผักให้อร่อย
เคล็ดลับเล็กๆน้อยๆสำหรับการต้มผักให้อร่อย
1.พยายามใช้น้ำให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ในการต้มผัก

2.ก่อนจะนำผักลงต้มควรจะรอให้น้ำเดือดเสียก่อน จึงใส่ผักลงไป ไม่ควรแช่ไว้ในนั้นตั้งแต่แรก

3.ผักสีเขียวควรทำให้สุกโดยวิธีการลวกหรือให้ใส่ลงไปในน้ำเดือด และพอน้ำเดือดอีกทีก็ให้ตักขึ้นทันที

4.ผักที่เป็นหัว เช่น หัวผักกาด แครอต ควรต้มในน้ำเดือดอ่อนๆ และ ควรต้มทั้งหัวไม่ควรหั่นหรือฝาน จะช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารไว้ได้มากกว่าการหั่นแล้วนำไปต้ม

5.ทุกครั้งที่ต้มผักควรปิดฝาหม้อ เพื่อให้น้ำเดือดและผักสุกเร็วขึ้น ผักยิ่งอยู่ในน้ำร้อนนานๆ คุณค่าก็จะน้อยลง

ทำตามเคล็ดลับง่ายๆเพียงเท่านี้ นอกจากคุณจะต้มผักได้อร่อยกว่าคนอื่นแล้ว ยังได้รับคุณค่าทางอาหารอย่างเต็มเปี่ยมอีกด้วย